top of page

The Olympians

 

 

     Zeus

         ราชาแห่งทวยเทพ ผู้ปกครองเขาโอลิมปัส (Olympus) และเทพแห่งท้องฟ้าของตำนานเทพปกรณัมกรีก สัญลักษณ์ประจำตัวคือสายฟ้า โคเพศผู้ นกอินทรี และต้นโอ๊ก

 

         นามของซุสแปลว่าความสว่างของท้องฟ้า  เป็นพระโอรสองค์สุดท้องของ โครนอส (Cronos) และ รีอา(Rhea) ซึ่งเป็นเทพไททัน ตามตำนานกล่าวไว้ว่า โครนอสได้กลืนบุตรของตนลงท้องไปเพราะกลัวที่จะโดนช่วงชิงบัลลังก์ บุตรของโครนอสจากรีอามีทั้งหมด 6 องค์ ได้แก่ ฮาเดส โพไซดอน เฮสเทีย ดีมิเตอร์ เฮร่า และซุส แต่รีอาได้ใช้อุบายหลอกให้โครนอสกลืนหินไปแทนและได้ฝากซุสไว้กับเหล่านางไม้ช่วยเลี้ยงดู เมื่อซุสได้โตขึ้นจึงยึดบัลลังก์ผู้เป็นพ่อแล้วช่วยพี่น้องของตนออกมา  ในหลายๆ ตำนานกล่าวว่าซุสได้สมรสกับ เทพีเฮร่า (Hera) พี่สาวของตนเอง 

 

        เทพซุสมักมีชื่อเสียงในพฤติกรรมนอกลู่นอกทางเรื่องชู้สาว พฤติกรรมนี้ทำให้เกิดผู้สืบเชื้อสายอยู่หลายองค์และหลายคนด้วยกัน เช่น   เทพเฮอร์มิส (Hermes) เทพอพอลโล (Apollo)  เทพีอาร์เทมีส (Artemis)  ฯลฯ

 

        ส่วนผู้สืบเชื้อสายที่เกิดจากเทพีเฮร่าโดยตรงได้แก่ เทพแอรีส (Ares)  เทพีฮีบี (Hebe)  เทพเฮเฟตัส(Hephaestus)   เทพีเอรีส (Eris) และเทพีเอเลไธอา (Eileithyia)

 

     Hades

        เทพเจ้าผู้ปกครองนรกและโลกหลังความตาย ในตำนานถือว่ามีศักดิ์เป็นพี่ชายของ ซุส ราชาแห่งเหล่าเทพ และยังถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์เพราะเทพฮาเดสมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างภายใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (Dis) ซึ่งแปลตรงตัวว่า ทรัพย์สิน

 

         ฮาเดส มีพระชายาคือเทพีเพอร์ซิโฟนี(Persephone) ธิดาแห่งดีมิเตอร์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆของตน และแท้ที่จริงแล้ว เทพฮาเดสเป็นเทพที่มีความยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งเช่นเดียวกับซุส และ โพไซดอน เนื่องจากเป็นพี่น้องกัน แต่ทว่าความที่ฮาเดสเป็นผู้ปกครองนรกซึ่งเป็นโลกใต้ดิน  สถานที่ซึ่งมีแต่ความมืดมิดและความน่ากลัว   จึงไม่ใคร่ขึ้นไปยังเขาโอลิมปัสหากไม่จำเป็น  อีกทั้งเทพองค์อื่น ๆ ก็ไม่ใคร่ที่จะต้อนรับฮาเดสด้วยเช่นกัน ดังนั้น ฮาเดสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่งในเทพโอลิมปัสเฉกเช่นองค์อื่น ๆ  และได้เข้าร่วมประชุมสภาเทพเจ้าเฉพาะในวันเหมายันเท่านั้น

 

     Poseidon

        เทพแห่งมหาสมุทรและพายุ  เทพเจ้าผู้เขย่าพื้นพิภพ ผู้บันดาลให้เกิดคลื่นยักษ์และแผ่นดินไหว มีศักดิ์เป็นพี่ชายของซุสเช่นเดียวกับฮาเดส ปกครองผืนน้ำกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ว่าจะเป็น แหล่งน้ำจืด แม่น้ำลำคลอง  ลำธารต่างๆ รวมไปจนถึงทะเลและมหาสมุทร  

 

          เทพโพไซดอนจะมีอาวุธเป็นสามง่ามคู่กายหรือเรียกว่า ตรีศูล  บางตำนานอาจกล่าวถึงลักษณะของเทพโพไซดอนว่ามีท่อนล่างเป็นปลา  ท่อนบนเป็นเฉกเช่นมนุษย์อยู่บนรถศึกเทียมม้าฮิปโปแคมปัส(Hippocampus) นอกจากนี้ เทพโพไซดอน ยังถือเป็นเทพผู้รังสรรค์ม้าอีกด้วย

 

         เทพโพไซดอนมีพระชายานามว่า แอมฟิไทรต์(Amphitrite) มีบุตรชายกับพระชายาคือเทพไทรตัน(Triton) ผู้ถือครองแตรที่สามารถเรียกพายุทะเลได้

 

    Hera

         ถือเป็นราชินีของเทพธิดาทั้งปวง เพราะเธอเป็นชายาของซุส  เทพแห่งท้องฟ้า หนึ่งในสามเทพผู้ยิ่งใหญ่ ประวัติความเป็นมาของเฮร่ากล่าวไว้ว่า นางเป็นธิดาองค์แรกของเทพไททันโครนอสกับเทพมารดารีอา ซึ่งได้อภิเษกสมรสกับซุสผู้เป็นอนุชาของนางในภายหลัง(ชายาคนแรกของซุสคือเมทิส) 

 

        ด้วยเหตุนี้เฮร่าจึงกลายเป็นราชินีที่สูงส่งที่สุดในสรวงสวรรค์โอลิมปัสเป็นที่ครั่นคร้ามยำเกรงของคนโดยทั่วไป เทพีเฮร่าไม่ชอบนิสัยเจ้าชู้ของสวามีของตน เทพซุสเป็นเทพที่เจ้าชู้ และมักจะประพฤติตนให้เทพีเฮร่าหึงหวงอยู่เสมอ อีกทั้งเฮร่ายังคอยลงโทษหรือคิดพยาบาทภรรยาน้อยทุกคนของซุสด้วย  ไม่ว่าภรรยาน้อยเหล่านั้นจะถูกซุสหลอกลวงจนหลงเป็นภรรยาน้อยโดยไม่ตั้งใจก็ตาม

 

        ไม่เพียงแต่ภรรยาน้อยเท่านั้น  แม้แต่บุตรที่เกิดจากภรรยาน้อยของซุสก็โดนจองล้างจองผลาญเช่นกัน เช่น เฮอร์คิวลิส ที่สังหารลูกและภริยาของตนด้วยอุบายและมนตร์ของเฮร่าจนต้องทำภารกิจ 12 ภารกิจเพื่อไถ่โทษ เป็นต้น

 

    Demeter

         เป็นเทวีผู้ถือครองสัญลักษณ์คือรวงข้าว ซึ่งหมายถึงการเกษตรกรรมนั่นเอง เทพีดีมิเตอร์มีธิดาองค์หนึ่งนามว่า เพอร์เซโฟนี (Persephone) ชายาแห่งเทพฮาเดส นางจึงมีศักดิ์เป็นทั้งแม่ยายและน้องสาวของเจ้านรก

 

        ดีมิเตอร์เป็นเทวีแห่งครองฤดูผลิตผลของพืชทั้งปวง จึงมีเรื่องเล่าว่าเมื่อยามที่ธิดาของเทพีต้องกลับไปในนรก ยามนั้นจะเกิดเป็นฤดูหนาว พืชผลไม่อาจเติบโตได้เลย แต่เมื่อเพอร์ซีโฟนีกลับมา จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว ผลผลิตจะงอกงามตามจิตใจที่กลับมามีความสุขของนาง

 

        ดีมิเตอร์เป็นธิดาของโครนอสและรีอา ซึ่งเป็นไททัน มีพี่น้องร่วม 5 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพโอลิมเปียนทั้งนั้น ได้แก่ ซุส โพไซดอน ฮาเดส เฮร่า และ เฮสเทีย ดีมิเทอร์ไม่ค่อยมีบทบาทในตำนานกรีกมากยกเว้นเรื่องความงามของนางที่ทำให้เกิดปัญหา สามีของนางมี 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องของนางเอง ได้แก่ โพไซดอน และ ซุส โพไซดอนเป็นบิดาของเอไรออน ม้าที่เร็วที่สุดในโลก และ ซุสเป็นบิดาของเพอร์ซีโฟเน่

 

    Hestia

        เป็นเทพีที่เป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างมากในฐานะที่เป็นอัคนีเทวีผู้ถือครองเปลวไฟแห่งสวรรค์ โดยเฉพาะไฟในเตาผิงตามบ้านเรือน ทำให้เฮสเทียเป็นที่นับถือว่าเป็นผู้คุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ของคนในบ้านด้วย สำหรับชาวกรีกแล้วเตาไฟผิงเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากสำหรับทุกๆบ้าน พวกเขาถือว่าไฟที่ลุกโชติช่วงบนเตาถือเป็นไฟของเทพี เมื่อใดที่มีเด็กเกิดใหม่ขึ้นมาในบ้าน เมื่อเด็กอายุได้ครบ 5 วัน พ่อของเขาจะอุ้มลูกไปวนเวียนอยู่รอบเตาผิง ซึ่งจะตั้งไว้อยู่กลางบ้าน การอุ้มลูกไปเดินเวียนรอบเตาผิงก็เพื่อแสดงให้รู้ว่า เฮสเทียจะได้รับเอาเด็กคนนั้นไปไว้ในการดูแลอารักขา และช่วยคุ้มครองโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เด็กเริ่มหัดเดิน

 

        เฮสเทียเป็นเทวีที่ครองพรหมจารีไว้อย่างยอดเยี่ยม ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือเฮสเทียด้วยเหตุผลอีกหนึ่งประการ ที่ว่า เฮสเทีย นั้นไม่ยอมตกเป็นชายาของเทพซุส หรือแม้โพเซดอนผู้เป็นพี่ชายจะขออภิเษกด้วย เฮสเทียก็ยังคงยืนยันไม่ยินยอม แม้แต่อพอลโลก็ล้วนถูกเฮสเทียปฏิเสธเช่นกัน วิหารบูชาเทพีเฮสเทียมีลักษณะเป็นวงกลม และมีเจ้าพิธีเป็นหญิงพรหมหมจารี ผู้ที่เสียสละการวิวาห์เพื่ออุทิศถวายแก่เฮสเทีย และยังคอยทำหน้าที่เติมเชื้อไฟในเตาไฟสาธารณะ ซึ่งมีอยู่ประจำในทุกนครให้สว่างโชติช่วงตลอดไป

 

    Apollo

         เทพเจ้าแห่งเสียงดนตรี การรักษา เทพผู้ถ่ายทอดคำทำนายแห่งเดลฟี เทพผู้เป็นตัวแทนของลักษณะที่บุรุษพึงมี และเทพแห่งดวงอาทิตย์ เป็นฝาแฝดของเทพีอาร์เทมิสต์ เทพีแห่งจันทราและการล่าสัตว์ หลังจากที่นางลีโต(Leto)ผู้เป็นมารดาของอพอลโลถูกเทพีเฮร่าสาปด้วยความหึงหวงไม่ให้มีประเทศใดจะคลอดบุตรได้ ในเหตุเพราะมีความสัมพันธ์กับซุส ทั้งยังต้องหลบหนีงูยักษ์ไพธอนไปด้วย   ทำให้ต้องอุ้มท้องอย่างยาวนานเพื่อหาสถานที่ในการประสูติบุตรของตน

 

        เทพโพไซดอนเห็นเข้าก็เกิดความสงสาร จึงได้บันดาลให้เกิดเป็นเกาะเล็กๆขึ้นกลางทะเล เรียกว่าเกาะดีลอส (Delos)หรือเกาะที่ไม่เชื่อมกับประเทศใดๆในแผ่นดิน ทำให้นางสามารถประสูติเทพอพอลโลและอาร์เทมิสออกมาได้บนเกาะแห่งนั้น เมื่อทารกทั้งสองกำเนิดขึ้นมา อพอลโลก็ทำการฆ่างูไพธอนทันที ทำให้อพอลโลได้ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไพธีอุส (Pytheus) ที่มีความหมายว่า “ผู้ประหารไพธอน”

 

    Hermes

         เป็นเทพผู้คุ้มครองเหล่านักเดินทาง คนเลี้ยงแกะ โจรผู้เร่ร่อน กวี นักกีฬา นักประดิษฐ์ และพ่อค้า อาจเรียกได้ว่า เฮอร์มีสเป็นเทพแห่งการสื่อสาร พระองค์เป็นบุตรของเทพซุสเกิดแต่นางไมอา (Maia) มีของวิเศษคือหมวกและรองเท้ามีปีก เรียกว่า เพตตาซัส (Petasus) ซึ่งเป็นของขวัญที่ได้รับจากเทพซุสผู้เป็นบิดา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเทพสื่อสาร และมีคทาคะดูเซียส หรือ คาดูเซียส (Caduceus) ซึ่งรูปร่างของคถาจะมีคถางูไขว้อยู่สองตัว เฮอร์มีสพบงูสองตัวนี้เมื่อเห็นมันสู้กันเลยเอาคถาทิ่มระหว่างงูสองตัวเพื่อห้ามไม่ให้เกิดความวิวาท งูเลยเลื้อยมาพันอยู่รอบไม้แล้วหันหัวเข้าหากันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกลางด้วย

 

        หรือในบางตำนานก็เล่าว่า ครั้งที่เฮอร์มีสแอบไปขโมยวัวของเทพอพอลโล แล้วเทพแห่งพระอาทิตย์ไปเรียกร้องกับซุสให้เฮอร์มีสคืนวัวของตนกลับมา เทพซุสจึงสั่งให้เฮอร์มีสพาเทพอพอลโลไปยังที่ซ่อนวัว ในระหว่างทางนั้นเฮอร์มีสได้หยิบเครื่องดนตรีที่ทำจากกระดองเต่าและไส้แพะปั่นเป็นสายออกมาเล่น เครื่องดนตรีนั้นคือพิณนั่นเอง เสียงดนตรีไพเราะถูกใจอพอลโลอย่างมาก เทพอพอลโลจึงขอแลกวัวของตนกับเครื่องดนตรีนั้น พร้อมให้คทาคะดูเซียสเป็นของขวัญ เทพเฮอร์มีสตกลง ทั้งสองจึงสนิทกันตั้งแต่นั้นมา

 

    Ares

        คือบุตรแห่งซุสและเทพีเฮร่า เทพแห่งสงคราม การต่อสู้ และศาสตราวุธต่างๆ เช่นเดียวกับอาธีน่า แต่อย่างไรก็ตาม เทพีอาธีน่ากลับได้รับการยกย่องมากกว่าในเชิงของสติปัญญาในการรบ เพราะเทพีนั้นมีความกล้าหาญ ฉลาดและสุขุมลุ่มลึก แต่แอรีสเป็นเทพที่โหดเหี้ยมและดุดันมากกว่า

 

       ชาวกรีกนั้นถือว่าเทพแอรีสนั้นเป็นเทพที่ป่าเถื่อน หยาบช้า โดยปกติแล้วเทพแห่งสงครามจะต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะเสมอ แต่แอรีสกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียมากกว่า ไม่ใช่เพียงแค่เทพเจ้าด้วยกัน แต่เทพแอรีสยังเคยพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ด้วย ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นก็คือเฮราคลีส หรือที่รู้จักในอีกนาม เฮอร์คิวลิส นั่นเอง

 

        เมื่อเทพแอรีสจะไปไหน ก็จะมีบริวารติดตามมาด้วย ซึ่งบางตำนานว่าเป็นบุตรของแอรีสเอง คือ ไดมอส(ความกลัว)และโฟบอส(ความสยดสยอง) และเทพแอรีสก็มีน้องสาวอยู่หนึ่งองค์ คือเทพีแห่งความบาดหมางและความแตกแยก นามเอรีส(Eris)

 

    Hephaestus

        คือเทพแห่งการสรรค์สร้าง  เทพแห่งไฟ เป็นบุตรแห่งซุสและเทพีเฮร่า  ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เทพเฮเฟตัสนั้นเมื่อกำเนิดขึ้นมาแล้วไม่ได้มีรูปร่างที่ต้องตาเฉกเช่นเทพองค์อื่น  จึงถูกเทพีเฮร่าผู้เป็นมารดาแท้ๆโยนลงมาจากเขาโอลิมปัส  แต่ด้วยความที่เป็นเทพเจ้าผู้ครองชีวิตอมตะ  ทำให้เทพเฮเฟตัสไม่ตาย  และด้วยฝีมือในการตีเหล็กเป็นเลิศ คอยสร้างสิ่งต่างๆให้กับโอลิมปัส  จึงได้สามารถกลับเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะเทพได้อีกครั้งแม้จะมีร่างกายอัปลักษณ์ก็ตาม  นอกจากนี้ ในบางตำนานยังมีเรื่องเล่าว่า  เทพเฮเฟตัสนั้นเป็นผู้จามขวานลงที่หัวของซุสจนเทพีอาธีน่าได้กำเนิดขึ้นมาอีกด้วย

 

        เทพเฮเฟตัสมีพระชายาคือเทพีแห่งความรักและความงาม นามเทพีอะโฟรไดท์ (Aphrodite) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็เป็นสามีภริยาแต่เพียงในนาม ไม่มีบุตรหรือธิดาร่วมกันแม้แต่องค์เดียว

 

    Dionysus

        เทพแห่งไวน์ การผลิตไวน์และงานเทศกาลรื่นเริงทั้งปวง แต่เดิมนั้นเป็นมนุษย์กึ่งเทพ บุตรแห่งซุสและซิมิลี ในวัยเด็กเทพองค์นี้มีชีวิตที่น่าเศร้า ไดโอนิซุสเกิดจากการที่ซุสได้ปลอมตัวเป็นมนุษย์ไปสมสู่กับธิดาเมืองทีบส์ ด้วยความหึงหวงของเฮร่าและความอยากรู้อยากเห็นของซิมิลี เฮร่าได้ยุยงให้ซิมิลีร้องขอให้ซุสแสดงร่างที่แท้จริงให้ดู ในยามนั้นซุสได้สาบานกับแม่น้ำแห่งยมโลกไว้ จึงจำต้องทำตามคำพูดของตนแม้จะรู้ถึงผลที่ตามมาก็ตาม

 

        เมื่อนางซิมิลีได้เห็นร่างเทพเจ้าของซุสก็ถูกเผาไหม้เป็นจุน แต่เทพซุสได้ช่วยบุตรของตนได้ทัน   และได้ฝากไดโอนิซุสให้นางไม้เลี้ยงดู จนไดโอนิซุสได้กลายมาเป็นเทพเพราะได้คิดค้นการผลิตไวน์ขึ้นมาเพื่อใช้ในงานรื่นเริง นอกจากนี้ยังเป็นเทพที่ชอบเดินทางไปยังที่ต่างๆอย่างมากอีกด้วย  เมื่อเทพไดโอนิซุสไปที่ใด ก็จะเกิดความสุขและการเฉลิมฉลองที่นั่นไปตลอดเส้นทาง

 

    Athena

        หนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส เป็นเทพีแห่งสติปัญญา  การต่อสู้และภูมิปัญญาของมนุษย์  สัญลักษณ์ของนางคือนกฮูก เกิดมาจากส่วนหัวของซุส ประมุขแห่งเหล่าทวยเทพ เมื่อจู่ๆซุสเกิดปวดศีรษะอย่างรุนแรง จึงได้ให้เฮเฟตัส เทพแห่งการตีเหล็กใช้ขวานผ่าศีรษะออก ปรากฏเป็นเทพีอาธีน่าที่สวมชุดเกราะพร้อมหอกกระโดดออกมา

 

        เทพีอาธีน่าเป็นธิดาของเทพีเมทิส ซึ่งถูกซุสกลืนเข้าไปในท้องตั้งแต่ยังมีครรภ์แก่ เนื่องจากคำทำนายที่ว่าบุตรที่เกิดจากนางจะเป็นผู้โค่นบัลลังก์ของซุส แต่แม้ว่าเทพีอาธีน่าจะถือกำเนิดมาพร้อมกับคำทำนายนั้น พระนางก็เป็นหนึ่งในลูกรักของซุส  ด้วยเพราะนางใช้สติปัญญาที่นางมีคอยช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ และนอกจากนั้น นางยังเป็นหนึ่งในเทพที่ชาวกรีกนับถือมากที่สุดอีกด้วย

 

        รูปลักษณ์ของอาธีน่านั้นคือเทพสตรีในชุดเกราะที่มือข้างหนึ่งถือศาสตรา ส่วนมืออีกข้างถือเทพีแห่งชัยชนะไว้ โดยนามของเทพีแห่งชัยชนะนั้นคือเทพีไนกี้ (Nike)นั่นเอง

 

    Artemis

        เทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์ เทพีแห่งดวงจันทร์ ตำนานการกำเนิดกล่าวว่าเป็นธิดาฝาแฝดของเทพซุสกับนางอัปสรลีโต มีพี่ชายหนึ่งองค์คือ เทพอพอลโลซึ่งเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ และการดนตรี

 

        เทพฝาแฝดทั้งสองถูกปองร้ายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะเทพีเฮร่าซึ่งเป็นมเหสีเอกของเทพซุสเกลียดชังชายาน้อยของสวามีจึงลามไปถึงบุตรที่เกิดจากอนุเหล่านั้นด้วย  เมื่อรู้เรื่องของนางลีโต  นางจึงสาปแช่งนางลีโตว่าจะไม่สามารถคลอดบุตรบนแผ่นดินใดได้  อีกทั้งยังส่งงูร้าย ไพธอน(Python)ตามฉกกัดนางลีโตตลอดเวลา

 

        กระทั่งครบกำหนดครรภ์ นางลีโตเจ็บปวดทุกข์ทรมานปางตายเพราะไม่อาจคลอดบุตรได้ ทำให้เทพโพไซดอนเกิดความสงสาร จึงบันดาลเกาะดีลอส (Delos)ให้โผล่ขึ้นกลางทะเล ไม่ติดต่อกับแผ่นดินใด นางลีโตจึงพ้นคำสาป  จนกระทั่งสามารถประสูติเทพฝาแฝด เทพอพอลโล และเทพีอาร์เทมิส ออกมาอย่างปลอดภัยเมื่อเทพทั้งสองประสูติ เทพบิดาซุสจึงอัญเชิญเทพทั้งสองขึ้นเป็นเทพบนเขาโอลิมปัส และคลายความหมางใจระหว่างเทพีเฮรากับเทพฝาแฝดจนเป็นผลสำเร็จ

 

    Aphrodite

        ถือเป็นเทพีองค์สำคัญที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์มากที่สุด เนื่องจากเทวีองค์นี้เป็นเจ้าแม่ผู้ครองความรักและความงาม มีอำนาจในการสะกดให้เทพและมนุษย์ทั้งปวงเกิดความลุ่มหลง รวมไปถึงสามารถลบเลือนสติปัญญาของบุคคลผู้ที่ฉลาดให้กลายเป็นคนโฉดเขลาไปได้ในทันที และเทพีอะโฟรไดท์ก็จะคอยดูถูกและหัวเราะเยาะเย้ยผู้คนที่ตกอยู่ในอำนาจของนางอยู่เสมอด้วย

 

       ต้นกำเนิดของเทพีอะโฟรไดท์ค่อนข้างยาวนาน โดยอาจจะเลยไปไกลกว่าตำนานของกรีกเสียอีก ทั้งนี้ก็เพราะเทวีอโฟรไดท์มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนทางซีกโลกตะวันออก และถือกันว่าเทพีองค์นี้เป็นเทวีองค์แรกเริ่มของชนชาติฟีนีเซียที่เข้ามาตั้งรกรากอาณานิคมอย่างมากมายในดินแดนตะวันออกกลาง

 

      เทพีองค์นี้เป็นชายาของเทพเฮเฟตัส  แต่อย่างไรก็ตาม นางกลับไปลักลอบคบหากับแอรีสจนกำเนิดบุตรหลายองค์ด้วยกัน แต่ที่รู้จักกันมากที่สุดคงจะไม่พ้นเทพเอรอส(Eros) หรือที่รู้จักในนามคิวพิดนั่นเอง

 

    others

    Nike

       เทพีไนกี้เป็นที่นับถือกันมานานตามตำนานเทพปกรณัมกรีก เป็นเทพีแห่งชัยชนะ ตามตำนานกล่าวกันว่า นางเป็นธิดาของเทพพาลลัส (Pallas) ซึ่งเป็นเทพแห่งสติปัญญาและการสู้รบ และเทพีสติกซ์ (Styx) ซึ่งเป็นเทพีแห่งความริษยา และความอาฆาต เทพีไนกี้มีพี่น้องเป็นเทพคราตอส (Cratos) ผู้เป็นเทพแห่งพละกำลัง เทพีไบอา (Bia) ผู้เป็นเทพีแห่งความรุนแรง และเทพซีลุส (Zelus) ผู้เป็นเทพแห่งการต่อสู้ตามตำนานเทพ เหล่าพี่น้องของเทพีไนกี้ เป็นเทพผู้รับใช้ของเทพซุส (Zeus)

 

       เรื่องเล่ากล่าวไว้ว่า เทพีสติกซ์จะนำพวกนางมาช่วยสู้ศึกกับยักษ์ไททัน โดยมีเทพีไนกี้เป็นผู้ขับรถม้าศึก จากภาพจะมักปรากฏในผลงานด้านศิลปกรรมคลาสสิก ส่วนพระนามในตำนานเทพปกรณัมโรมันของเทพีไนกี้ มีชื่อว่า เทพีวิคตอเรีย (Victoria) และปีกของเทพีไนกี้เป็นสัญลักษณ์ อันแสดงถึงลักษณะอันว่องไวของชัยชนะ

 

    Iris

       คือเทพีแห่งข่าวสารของเฮร่า ผู้ส่งสารโดยการเดินทางผ่านสายรุ้ง ว่ากันว่า ชาวกรีกนิยมปลูกดอกไอริสไว้ที่หลุมศพ เนื่องจากเชื่อกันว่าเทพีไอริสคือผู้นำทางดวงวิญญาณของผู้หญิงไปสู่สุคติ (เทพเฮอร์มีส คือผู้นำดวงวิญญาณของผู้ชาย)

 

       เทพีไอริส คือ เทพีประจำพระองค์เทพีเฮร่า และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการพูดจาคมคาย เชื่อว่า กลีบทั้งสามของดอกไอริส หมายถึงความศรัทธา ปัญญา และความกล้าหาญ ไอริสนั้นแท้จริงแล้วมีพี่น้องฝาแฝดคือเทพีอาร์เค(Arke) ซึ่งปีกของไอริสจะมีสีทอง ส่วนปีกของอาร์เคเป็นสีรุ้ง แต่เทพีอาร์เคก็ถูกเนรเทศไปสู่นรกทาร์ทารัสเพราะไปเข้าฝ่ายไททันในครั้งสงครามเทพเจ้า และปีกของเทพีอาร์เคก็ถูกซายึดไปป้องกันการหลบหนี ภายหลัง ซุสได้มอบให้มนุษย์ไป

 

    Hecate

       เฮคาที เป็นเทพีแห่งเวทมนตร์คาถา, ดวงจันทร์ และ วิญญาณร้าย เป็นธิดาองค์เดียวของ ไททันเพอร์เซส(Perses)และ แอสเทเรีย(Asteria) ชอบปรากฏในรูปที่เป็นเทพีที่มีร่างกายสามด้านติดต่อกัน

 

       ตำนานอธิบายสัญลักษณ์ของเธอว่าเป็นสุนัขสีดำและพังพอน สุนัขสีดำนั้นมาจากที่ครั้งหนึ่งเคยมีราชินีนาม เฮคูบา(Hecuba) ที่กระโดดลงไปในทะเลหลังจากการล่มสลายของทรอย เฮคาทีจึงได้สาปให้ราชินีกลายเป็นสุนัขสีดำและได้นำมาไว้รับใช้ตน ส่วนพังพอนกำเนิดมาจากแม่มดเกลที่ถูกสาปให้เป็นพังพอน

 

       เฮคาทีเป็นมารดาและเป็นอาจารย์ของแม่มดที่มีชื่อเสียงอย่างมากในตำนานกรีก นางเป็นมารดาของเซอร์ซี(Circe)แม่มดที่โอดิสซิอุสต้องเผชิญหน้าด้วยเพื่อช่วยลูกเรือจากคำสาป และเป็นอาจารย์ของเมเดีย(medea) อดีตภรรยาของเจสัน ผู้ให้ความช่วยเหลือเจสันในการนำขนแกะทองคำมาจากมังกร

 

    Nemesis

        เป็นเทพีแห่งกฎแห่งกรรม และการล้างแค้น อีกทั้งเชื่อกันว่า เทพีองค์นี้เป็นยอดหญิงที่แข็งแกร่งไม่แพ้เทพีและเทพองค์ใด ชาวกรีกเห็นว่าความพยาบาทหรือการล้างแค้น ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่เทพเจ้าพึงกระทำต่อมนุษย์ พวกเขาจึงยกย่องให้ เทพีเนเมซิส เป็นเทพีแห่งความพยาบาท หรือการสนองกรรม เทพีเนเมซิส มีหน้าที่ลงโทษผู้ที่กระทำความชั่ว ผิดศีลธรรม คนที่เห็นแก่ตัว คนที่ไม่ยอมเอื้อเฟื้อแก่คนอื่น คนที่เย่อหยิ่ง หรือคนที่ปฏิเสธพรของเทพเจ้า แต่จะตอบแทนคุณความดีให้แก่ผู้ที่ทรงอยู่ในศีล และมีคุณธรรม

 

        บางตำรากล่าวถึงเนเมซิสออกว่าเทพีหญิงองค์นี้มีลักษณะเป็นหญิงที่มีหน้าตาโหดเหี้ยม(แต่ในบางตำนานกล่าวว่างดงามพอๆกับอะโฟรไดท์) ในมือจะถือพังงาเรือและล้อเอาไว้ บางครั้งก็มีปีกปรากฎด้วย องค์เทพีนี้จะคอยตามลงโทษผู้ที่กระทำความผิดไปทั่วทุกทิศอย่างอุตสาหะ ไม่ว่าจะต้องลงน้ำหรือเดินทางบกก็ไม่หวาดหวั่น ดังที่มีพังงาเรือและล้อ(ที่ใช้สำหรับรถแล่นบนบก) เป็นเครื่องหมาย แสดงถึงการเดินทางนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีตำนานกล่าวว่านางเป็นมารดาที่แท้จริงของเฮเลนอีกด้วย

 

    Hypnos

        เทพแห่งนิทรา ในตำนานเทพเจ้าของกรีก มีชื่อที่ชาวโรมันเรียกว่า เป็นบุตรชายของนิกซ์ (Nyx) เทพีแห่งราตรี และ เอเรบัส (Erabus) เทพแห่งความมืด เป็นพี่ชายฝาแฝดของทานาทอส (Thanatos) เทพแห่งความตาย โดยทั้งคู่อาศัยอยู่ยังขุมนรก เป็นเทพผู้ช่วยของฮาเดส (Hades) จ้าวแห่งนรก รูปลักษณ์ของทั้งฮิปนอสและทานาทอส มักเป็นรูปชายหนุ่มเปลือยกาย หน้าตาเหมือนกัน มีปีกสยายติดกับศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งทั้งสองจะมีปีกอยู่คนละข้างกัน

 

        ฮิปนอสมักจะติดตามมารดาไปไหนมาไหนเสมอ นั่นทำให้เราง่วงเมื่อยามกลางคืน ครั้งหนึ่งเฮร่าเคยขอให้ฮิปนอสทำให้ซุสหลับไหลเพื่อจะไปสังหารเฮอร์คิวลิส เมื่อซุสได้รู้เข้าก็พิโรธหนัก แต่ฮิปนอสก็หนีไปหามารดาของตน ซุสจึงไม่อาจทำอะไรได้ เทพซุสหวาดเกรงนิกซ์อย่างมากเพราะความพิโรธของนางอาจทำให้จักรวาลมืดมิดไปตลอดกาล

 

    Tyche

        เป็นเทพีในตำนานเทพปกรณัมกรีก แต่กลับเป็นที่รู้จักมากกว่าในนาม   เทพีฟอร์ทูน่า(Fortuna) เทพีแห่งโชคลาภ ความมีโชค การได้รับโอกาส คือผู้ที่นำโชคดีมาให้ ในตำนานเล่าขานกันว่า เทพีไทคีคือผู้หมุนวงล้อของชีวิตมนุษย์ หรือที่เรียกกันว่า “วงล้อแห่งโชคชะตา” (Wheel of Fortune) ด้วยการปั่นด้ายไปตามวงล้อเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์แต่ละคนตามที่สวรรค์ได้ลิขิตเอาไว้

 

        บางครั้งก็จะปรากฏเป็นสตรีมีผ้าคลุมหน้าหรือตาบอดเช่นเดียวกับการเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมในสมัยปัจจุบัน และเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เที่ยงของชีวิต หรือ “เอทร็อกซ์ฟอร์ทูน่า” (Atrox Fortuna) ในมือเทพีจะถือคอร์นูโคเพีย(cornucopia)สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ไว้ และทรงเป็นเทพีแห่งพรหมลิขิตด้วย เทพีไทคีเป็นธิดาของเทพซุส(บางตำนานก็ว่าเป็นธิดาแห่งโอเชียนัส) และเทพีเธมิส(Themis) แม้ว่าจะไม่มีคนรักและลูกของตนเองแต่ไทคีก็ได้รับความนับถือจากผู้เป็นแม่ด้วย

 

    Hebe

        เป็นเทพีในตำนานเทพเจ้ากรีกหรืออีกนามคือจูเวนตัสในตำนานเทพเจ้าโรมัน เทพีฮีบีเป็นเทพีแห่งความเยาว์วัย ความเป็นหนุ่มสาวชั่วนิรันดร์ ผู้เป็นบุตรีของเทพซุสและเทพีเฮร่า ผู้มีตำแหน่งเป็นผู้ถวายพระสุทธารส(cupbearer) สำหรับเทพและเทพีแห่งยอดเขาโอลิมปัส คู่กับแกนีมีด

 

        จนนางได้กระทำหยาบคายในงานเลี้ยงหนึ่งเข้าจึงโดนปลดออกจากตำแหน่งนั้นหลังจากที่เฮราคลีสหรือเฮอร์คิวลิสได้ไถ่บาปจากการทำภารกิจทั้ง 12 ประการจนสำเร็จแล้ว เขาก็ได้กลายมาเป็นเทพเจ้าบนสวรรค์โอลิมปัสเมื่อสิ้นชีวิตลงในฐานะมนุษย์ และเทพีผู้เป็นชายาของเฮราคลีสก็คือฮีบีนั่นเอง

 

มาเล่นด้วยกันนะคะ!(มนุษย์กึ่งเทพธรรมดาเท่านั้น)

Hope to see you in our group!

Play with us?
  • Facebook - Black Circle

เช็คตัวละครที่ลิงก์นี้ค่ะ!(มนุษย์กึ่งเทพธรรมดาเท่านั้น)

Are you ready to play?

***คอมมูนี้เป็นคอมมูที่เล่นในเฟซบุ๊คเท่านั้นนะคะ  โดยมีแรงบันดาลใจจากนิยายเรื่อง Percy Jackson and the Olympians ค่ะ หากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถติดต่อสอบถามทางแม่งานและสต๊าฟได้เลยทาง Iris Mail Service  แชทส่วนตัว หรือจะฝากคำถามในกลุ่มคอมมูก็ได้ค่ะ
bottom of page